วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พูดดี มีเสน่ห์


ภาษาไทยม.2เรื่อง วิวิทธภาษา ชั้นมัธยมศึกศาปีที่2เรื่อง วิวิทธภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 เรื่องพูดดีมีเสน่ห์



พูดดี  มีเสน่ห์

พาทีมีสติรั้ง            รอคิด
รอบคอบชอบแลผิด        ก่อนพร้อง
คำพูดพ่างลิขิต             เขียนร่าง  เรียงแฮ
ฟังเพราะเสนาะต้อง        โสตทั้งห่างภัย 


พูดดี  มีเสน่ห์
แจงเป็นเด็กหญิงอายุ13 ปี อยู่กับพ่อแม่ พี่ชาย  และน้องสาว ในบ้านหลังเล็กๆ ที่ปลูกอยู่ในบริเวณเดียวกันกับบ้านของคุณยาย  และบ้านของป้าวิมลอีก 1 หลัง คุณยายมีลูกสาว 2 คน คือป้าวิมล และวิภาแม่ของแจง  แจงรักคุณยายและชอบคุยกับคุณยายมาก  ไม่ว่าแจงจะคิดจะทำอะไร แจงจะไปเล่า ไปปรึกษา และขอความเห็นจากคุณยายเสมอวันนี้ทำการบ้านเสร็จแล้ว อยากคุยกับคุณยาย จึงไปหาคุณยายที่บ้าน

แจง      :  สวัสดีค่ะคุณยาย
คุณยาย   :  จ้ะสวัสดี  นี่ยายทำลอดช่องของชอบของแจงพอดีเลยมากินเสียซิ
แจง      :  ขอบคุณค่ะ วันนี้แจงมีเรื่องของแก้วมาเล่าให้คุณยายฟัง
คุณยาย   :   เดี๋ยวค่อยเล่าก็ได้  กินขนมให้เสร็จเสียก่อน
แจง       ค่ะ แจงตื่นเต้นนะคะ อยากให้คุณยายรู้จักแก้ว
คุณยาย   :  เรื่องของแก้วนี่ ดีหรือร้ายจ๊ะ
แจง     :  เรื่องดีค่ะ  ดีมากๆ  ด้วย  แก้วเขาได้รับเลือกให้เป็นนักเรียนดีเด่นของ  โรงเรียนปีนี้ค่ะ
คุณยาย  :  แจงคงชอบแก้วมาก จึงดีใจกับเขา สนิทกับเขามากหรือ
แจง     :  ค่ะ  คุณยาย  สนิทกันเพราะตอนเย็นเรากลับบ้านด้วยกันทุกวัน  แจง   กับแก้วชอบ            อะไรเหมือนๆกัน
คุณยาย   :   ชอบอะไรบ้างล่ะ ที่เหมือนกัน
แจง   :  เราชอบนุ่งกางเกงยีนส์แต่ไม่ชอบสวมเสื้อยืดเหมือนกันชอบดูกีฬาแต่ไม่ชอบเล่นเหมือนกัน และก็ชอบดูหนังฟังเพลงเหมือนกันค่ะ ที่ต่างกันก็มีนะค่ะ คือ แจงพูดอะไรตรงๆแบบที่คุณยายว่า  ขวานผ่าซาก  แต่แก้วเขาระวัง  เขาไม่ว่าใครเลย  พูดก็เพราะ  คุณยาย 
คงเดาได้นะคะว่าเพื่อนๆ ต้องชอบแก้วมากกว่าแจง
คุณยาย   :  แล้วนักเรียนดีเด่นนี่ เขาเลือกด้วยเกณฑ์อะไรล่ะจ๊ะ
แจง   :  อาจารย์ใหญ่บอกว่า  แก้วเป็นคนที่มีมารยาทดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี  มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และใส่ใจการเรียนดีเยี่ยมด้วยค่ะ  แก้วพูดจาอ่อนหวานไพเราะกับทุกคนไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร  เวลามีคนมาชมกิจการของโรงเรียน  แก้วมักได้รับเลือกเป็นผู้นำชมค่ะ  แล้วเวลาที่เขาจะกลับมักชมแก้วให้ใครๆได้ยินว่าแก้วพูดเพราะ พูดเก่ง  และพูดชัด  แก้วก็จะตอบว่า ขอบพระคุณค่ะ
คุณยาย   :    ยายก็สอนแจงบ่อยๆ ไม่ใช่หรือว่า  การพูดเป็นสิ่งสำคัญเราต้องพูดให้เพราะและพูดให้ชัด เก่งหรือไม่เก่งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แจง   : แก้วเขาเป็นคนมีน้ำใจด้วยค่ะ  เวลามีเพื่อนเขามายืมอุปกรณ์วาดรูป  เครื่องมือทำงานแก้วก็ให้ยืม ทั้งๆ ที่ต้องใช่เหมือนกัน  และพูดดีกับเพื่อนทุกครั้งเลยคี่ไม่เคยบ่นว่าอะไรเลย   
คุณยาย   :   ใจดีด้วยนะ  แก้วคนนี้
แจง   : ค่ะ ที่แจงชอบแก้วมากอีกเรื่องหนึ่ง คือ เวลามีเพื่อนมาเล่าเรื่องไม่ดีของเพื่อนคนอื่นให้ฟัง แก้วจะไม่พูดต่อเลยค่ะ แล้วไม่ให้แจงวิพากษ์วิจารณ์ด้วย  ทั้งแก้วทั้งแจงจึงไม่มีเรื่องผิดใจกับเพื่อนคนไหนเลยค่ะ
คุณยาย  :  อย่างนี้เรียกว่า  เป็นไม่นินทาว่าร้ายใคร
แจง   :  กับคนอื่นแก้วก็พูดดีนะค่ะ  เวลาไปเดินในร้านขายหนังสือใกล้โรงเรียนด้วยกันพนักงานขายมักจะยิ้มให้แก้วเพราะแก้วจะขอบคุณเขาทุกครั้งที่เขาพาไปหาหนังสือที่เราสนใจ  หรือไปหยิบหนังสือมาให้เรา  แจงเสียอีกลิ้นแข็ง  ไม่ค่อยพูดขอบคุณเขา
บางทีดูเหมือนตัวเองออกจะหยิ่งนะคะ  ชอบคิดว่าเขามีหน้าบริการก็ต้องบริการแต่ตอนนี้แจงคิดได้แล้วค่ะ  แจงจะทำตามอย่างแก้ว   จะได้มีเพื่อนมากๆ ดีไหมคะคุณยาย
คุณยาย   :  ดี ลูก
แจง     :  คุณยายเอาใจช่วยแจงนะคะ
คุณยาย   :  จ๊ะ   ยายก็ชอบมีหลานเป็นพูดดี  มีคนรักคนชอบเหมือนกัน  ว่าแต่ว่าพูดเหนื่อยหรือยังจ๊ะ  ยายว่าหยุดคุยกินลอดช่องของโปรดของแจงเสียก่อนดีไหม
แจง   :  ดีค่ะ  ขอบพระคุณค่ะ  แจงรักคุณยายมากที่สุดในโลกเลยค่ะ

ข้อคิดจากเรื่อง
เรื่อง พูดดี มีเสน่ห์  เป็นบทสนทนาระหว่างยายกับหลาน  ให้ข้อคิดว่าการพูดเป็นสิ่งสำคัญ  การพูดดีป็นการพูดเพื่อให้ผู้ฟังพอใจ  สบายใจ  โดยผ่านการเลือกสรรถ้อยคำที่สภาพไพเราะเหมาะสมกับกาลเทสะและบุคคล  พูดความจริงพูดมีสารประโยชน์  มีเหตุผลที่น่าสนใจ  น่าเชื่อถือ  คนพูดดีจึงมักได้รับความชื่นชม  รักใคร่  มีเสน่ห์ชวนให้คนอยากคบหาสมาคมด้วย    

ความรู้เกี่ยวกับการพูด
การพูดมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนเรา  เราต้องพูดจาสื่อสารกับคนที่แวดล้อมใกล้ตัว  เช่น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ครูอาจารย์ คนที่ต้องพบปะเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในกิจกรรมการเรียน การงาน อาชีพ และวิถีทางดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่น  คนขายของ  คนเก็บเงินค่าโดยสารรถประจำทาง  คนเก็บขยะ  บุรุษไปรษณีย์ และอื่นๆ การพูดกับคนที่แวดล้อมใกล้ อาจมีเรื่องราวที่หลากหลายทั้งมีสาระและไม่มีสาระ เรื่องพูดคุยเล่าสู่กันฟัง เรื่องการแสดงความคิดความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ประสบพบเห็น ซึ่งอาจสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันหรือขัดแย้งต่างมุมมองกัน  แต่การพูดกับอื่นที่มิใช่คนที่แวดล้อมใกล้ตัว  อาจเป็นการพูดที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับกิจกรรมที่ต้องดำเนินการร่วมกันหรือเกี่ยวข้องกันโดยหน้าที่การงาน  การประกอบอาชีพ  การร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ  นอกจากนี้ยังมีการพูดอย่างเป็นางการกับที่ประชุมชน  การพูดกับคนจำนวนมาก  เช่น กล่าวคำอวยพร  กล่าวปฐมกถา  กล่าวสุนทรพจน์  บรรยายทางวิชาการ  อภิปราย  โต้ว่าที  หรือการพูดกึ่งทางการ เช่น  แสดงความคิดเห็นในที่ประชุม  แสดงความคิดเห็นทางวิชาการ  เล่านิทาน เล่าประสบการณ์ เป็นต้น  โดยทั่วไป  ผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจการงาน  มีมนุยสัมพันธ์ และทำประโยชน์ให้แก่สังคมประเทศชาติ  ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการพูด  เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับว่า  พูดดี การเก่ง กล้าพูด และมารยาทในการพูด  ส่วนหนึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนที่ลอกเลียนแบบกันได้ยากเรียกกว่ามีพรสวรรค์  อีกส่วนเป็นความสามารถที่ได้จากการศึกษาเรียนรู้  ฝึกฝน  พัฒนา  ที่กล่าวว่า  เป็นความสามารถที่ได้จากพรแสวง

พูดดี  หมายถึง  การพูดที่ใช้ถ้อยคำที่สุภาพไพเราะ  ออกเสียงได้ขัดเจนถูกต้อง  มีจังหวะหนักเบาและน้ำเสียงตามความหมายของข้อความหรือเรื่องราวเลือกถ้อยคำและคำลงท้ายเหมาะสมกับเรื่องราว  กาลเทศะ  และบุคคล  พูดคำจริง  ไม่พูดคำเท็จ  ไม่พูดบิดเบือนความจริง  ไม่พูดส่อเสียดหรือยุยงใส่ร้ายป้ายสีกัน  รู้ว่าอะไรควรพูด  อะไรไม่ควรพูด  เช่น ไม่พูดเรื่องที่เป็นการล่วงล้ำหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งนอกจากเป็นการเสียมารยาทแล้วยังอาจผิดกฎหมายด้วยไม่พูดในสิ่งที่ทำให้กระทบกระเทือนใจ  หรือทำให้คนอื่นเก้อกระดาก อับอาย โดยเฉพาะท่ามกลางที่ประชุมชน  ไม่พูดถึงสิ่งที่เป็นอัปมงคลในงานมงคล  เป็นต้น  พูดดียังหมายรวมถึงการมีมารยาทในการพูดที่ให้ความสำคัญกับผู้ฟังหรือคู่สนทนา  เช่น สบตา  ยิ้มแย้มแสดงความเป็นมิตร  เปิดโอกาสให้ผู้ฟังหรือคู่สนทนาได้พูดหรือแสดงความคิดเห็น  ใส่ใจความรู้สึก  ความพึงพอใจของผู้ฟังหรือคู่สนทนา  ไม่ชิงพูดไม่พูดขัดหรือแทรกก่อนที่ที่คู่สนทนาจะพูดจบความ  ที่สำคัญการพูดดีต้องเป็นการพูดที่สื่อความหมายให้เข้าใจในทางสร้างสรรค์  พูดแล้วทำให้คนพอใจ สบายใจ มีความสุข เกิดผลดี เกิดความรัก ความสามัคคี  และความเจริญก้าวหน้าในหมู่คณะสังคม และประเทชาติ เช่น การพูดให้กำลังใจที่กำลังผิดหวัง  พูดให้คนมานะอดทนต่อสู้กับความลำบากยากจน พูดให้คนคลายความวิตกกังวล ความโกรธ  ความอิจฉาริษยา  พูดให้คนร่วมคิด ร่มทำ ร่วมสร้างสรรค์สังคมและประเทศชาติ
พูดดี  มักมีพื้นฐานมาจากการคิดดี  คิดถูกต้อง คิดสุจริต คิดอย่างมีเหตุผล คิดถูกวิธี คิดถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อส่วนรวม สังคม และประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์ส่วนตน  การคิดดีนั้นควรคิดในทางสร้างสรรค์  มีสติกำกับ สติทำให้เกิดปัญญา  ปัญญาทำให้รู้เห็นถึงแนวทางที่ควรทำควรปฏิบัติ เมื่อต้องถ่ายทอดความคิดดีโดยการพูดเพื่อสื่อสารไปให้ผู้อื่นรับรู้หรือนำไปปฏิบัติ  ก็ย่อมเป็นคำพูดที่ดีตามไปด้วย  สิ่งที่ต้องระวังให้มากเกี่ยวกับการพูดนั้น คือ ต้องคิดก่อนพูด คิดถึงความควรไม่ควร คิดถึงความรู้สึกของผู้ฟัง คิดถึงผลได้ผลเสียที่พึงจะได้รับการพูดโดยไม่คิดมักทำให้ผิดใจกัน ทำลายสัมพันธภาพที่เคยดีต่อกัน ทำให้เสียประโยชน์ เกิดผลเสียหาย และอาจนำภัยมาสู่ตน สู่บุคคลที่แวดล้อมใกล้ชิด สู่สังคมและประเทศชาติ อย่างที่เรามักกล่าวกันว่าเป็นโอษฐภัย ดังคำโคลงสุภาษิต นฤทุมนาการที่ว่า

พาทีมีสติรั้ง                            รอคิด
รอบคอบชอบแลผิด                  ก่อนพร้อง
คำพูดพ่างลิขิต                        เขียนร่าง  เรียงแฮ
ฟังเพราะเสนาะต้อง                  โสตทั้งห่างภัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พูดเก่ง หมายถึง การพูดที่มีกลวิธีในการพูดเพื่อให้น่าสนใจ น่าประทับใจพูดแล้วเกิดผลดีผลสำเร็จ คนพูดเก่งมักมีวิธีการพูดที่ทำให้คนฟังสนใจ เพลิดเพลินสนุกสนาน มีลีลาการพูดที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตน ประกอบกับการแสดงสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงได้สอดคล้องกับเรื่องราวและอารมณ์ความรู้สึก มีการสอดแทรกมุกตลก คำคม สำนวนโวหาร คำประพันธ์ที่ไพเราะ  และน่าสนใจ ในช่วงจังหวะการพูดที่เหมาะสมก็เป็นกลวิธีหนึ่งในการสร้างบรรยากาศ ความน่าเชื่อถือ และความประทับใจแก้ผู้ฟัง พูดเก่ง มีลักษณะการพูดดังนี้
พูดได้สาระความรู้ อ้างอิงข้อมูลหรือข้อเท็จจริงได้ถูกต้องแม่นยำ
พูดตรงประเด็น  ตรงตามหัวข้อที่พูด เนื้อหาสาระที่พูดไม่สับสนวกวน
พูดคล่อง ออกเสียงได้ชัดเจน ถูกต้อง เป็นธรรมชาติ  ไม่ติดขัด

กล้าพูด  หมายถึง การยอมพูดในสิ่งที่ควรพูด  ไม่เกรงกลัวอิทธิพล หรืออันตราย มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงความคิดเห็นของตนเองบนพื้นฐานความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ที่ตนมีตนรู้ เพื่อประโยชน์และผลสำเร็จทั้งต่อตนเองและต่อส่วนรวม โดยคำนึงถึงกาลเทศะที่ควรพูด เช่น ทักท้วงเมื่อเห็นผู้ทำผิดหรือทำสิ่งไม่เหมาะสม เสนอความคิดเห็นหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาหรือพัฒนากิจการงาน กล้าพูด กล้าแสดงความจริงใจและรับผิดชอบต่อคำพูดของตน เมื่อพูดเรื่องใดไปแล้ว เกิดผลเสียหาย ต้องยอมรับว่าตนพูดไปจริง และยอมรับผิด โดยกล่าวคำขอโทษ หรือถอนคำพูด
มารยาทในการพูด
มารยาท หมายถึง กิริยาอาการที่แสดงออก ให้ปรากฏทางกายและทางวาจา อย่างถูกต้อง เรียบร้อยงดงาม ตามคตินิยมของคนในสังคมมารยาทเป็นเครื่องหมายของความเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรมที่ดีงาม การพูดให้ประสบความสำเร็จต้องคำนึงถึงมารยาทตามคตินิยมของสังคมมารยาทในการพูด จะมุ่งเน้นมารยาทที่แสดงออกทางวาจาเป็นประเด็นหลัก เช่น ใช้ถ้อยคำที่สุภาพ เหมาะสมกับบุคคล กาลเทศะ
การพูดในโอกาสต่างๆ

การทักทายปราศรัย

การทักทายเป็นทุกมารยาทของสังคม เมื่อพบคนที่รู้จักกันย่อมต้องทักทายปราศรัยกันเพื่อแสดงไมตรีที่มีต่อกัน  ในการทักทายปราศรัยควรใช้ถ้อยคำที่ทำให้ผู้ฟังสบายใจคนแต่ละชาติอาจทักทายด้วยถ้อยคำที่ต่างกัน  เช่น  คนไทยนิยมทักว่า ไปไหนมา โดยมิได้เจตนาแท้จริงว่าต้องการรู้คำตอบ  หรืออยากรู้เรื่องส่วนตัวของผู้อื่น คนตอบจะตอบเพียงเพื่อแสดงไมตรีเท่านั้น ไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังนักคนที่สนิทสนมกันอาจทักด้วยเรื่องที่ใกล้ตัว  เช่น  ทำการบ้านหรือยัง  กินข้าวหรือยัง  มาโรงเรียนแต่เช้าเลยนะ  วันนี้ใครมาส่ง  การทักทายผู้ใหญ่หรือผู้ที่ไม่คุ้นเคย ต้องใช่ถ้อยคำที่สุภาพตามแบบที่นิยมกัน  เช่น  สวัสดีค่ะ  หรือ  สวัสดีครับ  พร้อมกับน้อมไหว้แสดงความเคารพ  และอาจถามตามมารยาทว่าคุณครูสบายดีหรือค่ะ  ท่านสบายดีหรือครับ  หรือทักทายตามสถานการณ์  เช่น  ท่านออกกำลังกายหรือค่ะ  คุณครูกำลังจะไปสอนหรือครับ  คุณยายมาทำบุญหรือค่ะ

การแนะนำตัวเอง
ในบางโอกาส เราจำเป็นต้องแนะนำตัวเองว่าเราเป็นใคร และสาเหตุที่แนะนำตนเองนั้นมีจุดมุ่งหมายใด เช่น นักเรียนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำชมนิทรรศการของโรงเรียน เมื่อผู้ชมงาน นักเรียนต้องพูดแนะนำตนเอง บอกชื่อ บอกชั้นเรียน และบอกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนักเรียนที่ไปติดต่อหน่วยงาน หรือสถานที่บางแห่ง เช่น สถานที่ฝึกงานระหว่างปิดภาคเรียน เมื่อไปถึงสถานที่นั้น ต้องแนะนำตนเองว่าชื่ออะไร เรียนอยู่ชั้นใด โรงเรียนใด และแจ้งธุระที่มาติดต่อให้ขัดเจนในงานเลี้ยงต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ บางครั้ง ต้องนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับผู้อื่น อาจแนะนำตนเองด้วยการบอกชื่อ บอกความสัมพันธ์กับเจ้าของงาน แต่ควรระมัดระวังไม่ให้เป็นการอวดตน ฝ่ายคู่สนทนาก็ควรแนะนำตนเอง ไม่ควรรีรอ เพราะอาจทำให้อีกฝ่ายอึดอัด ไม่สบายใจการแนะนำตนเองไม่ว่าโอกาสใด ควรขึ้นต้นว่า สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ เพื่อแสดงความสุภาพ
การสนทนา 

การสนทนา เป็นกิจกรรมที่คน 2 คนหรือมากกว่า พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ระหว่างกัน ในโอกาสหรือสถานการณ์ต่างๆ เช่น การสนทนาในที่ชุมชน การสนทนาในรายการโทรทัศน์ การสนทนากับบุคคลเพิ่งรู้จักในงานสังคมต่างๆในการสนทนา ควรเลือกเรื่องที่ตนเอง และคู่สนทนามีความรู้และความสนใจร่วมกันอาจจะเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน หรือเป็นเรื่องที่กำลังเป็นข่าว เรื่องที่เหมาะกับกาลเทศะ เช่น การสนทนาในงานมงคลสมรส ควรพูดถึงแต่สิ่งที่ดีงาม ไม่พูดเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ขณะรับประทานอาหาร ไม่ควรพูดเรื่องหวาดเสียว หรือเรื่องที่ชวนให้รังเกียจขยะแขยง
การพูดติดต่อทางโทรศัพท์และการรับโทรศัพท์

เมื่อมีผู้โทรศัพท์ติดต่อไป  ผู้รับโทรศัพท์ควรพูดทักทายก่อน  ส่วนผู้ติดต่อไปควรแจ้งแก่ผู้รับโทรศัพท์ให้ชัดเจนว่า  ตนเป็นใครประสงค์จะพูดกับใคร  เรื่องใดและควรพูดให้กระชับ  เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา  ผู้รับโทรศัพท์ควรพูดด้วยเสียงที่เป็นมิตร  แสดงความมีน้ำใจในการฝากข้อความ  และถามเกี่ยวกับข้อความที่รับฝากให้ถูกต้องครบถ้วน  เมื่อต้องตามผู้อื่นให้มารับโทรศัพท์  ควรบอกผู้ติดต่อให้ชัดเจนว่าบุคคลที่ผู้ติดต่อต้องการจะพูดด้วยนั้นอยู่ที่ใด  ถ้าต้องตามมารับโทรศัพท์จะใช้เวลามากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างการพูดโทรศัพท์
๑.ผู้รับ  :     สวัสดีค่ะ
ผู้ติดต่อ  :  สวัสดีครับ ผมอรรคพล ขอพูดกับอาจารย์กาญจนา ครับ
ผู้รับ  :     กำลังพูดอยู่ค่ะ
ผู้ติดต่อ  :  ผมขอเวลาอาจารย์ตอนนี้ได้ไหมครับ
ผู้รับ  :     ได้ค่ะ
ผู้ติดต่อ  :  (พูดธุระของตนเอง)
๒.ผู้รับ  :     สวัสดีครับ  บ้านคุณบรรเจิดครับ
ผู้ติดต่อ  :   ขอพูดกับคุณบรรเจิดค่ะ
ผู้รับ  :      ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่ครับ จะฝากข้อความไหมครับ
ผู้ติดต่อ  :   ขอฝากข้อความว่า  เพื่อนชื่อวัชรินทร์  ขอเลื่อนนัดส่งต้นฉบับหนังสือไปเป็นวันพรุ่งนี้  เวลาเดิมได้หรือไม่  ให้ติดต่อกลับด้วยค่ะ
ผู้รับ  :     ขอเบอร์ติดต่อกลับด้วยครับ
ผู้ติดต่อ  :  เบอร์ 0 2277  7777 ค่ะ
ผู้รับ  :     ขอทวนนะครับ  ฝากข้อความว่า  เพื่อนชื่อวัชรินทร์โทรมาถามว่าขอเลื่อนนัดส่งต้นฉบับหนังสือไปเป็นวันนี้เวลาเดิมได้หรือไม่ ขอให้ติดต่อกลับ เบอร์ 0 2277 7777
ผู้ติดต่อ  :  ถูกต้องค่ะ  ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ
ผู้รับ  :     สวัสดีครับ

คิดตรอง  ลองทำดู
แบ่งกลุ่มแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพูดจากบทประพันธ์ต่อไป
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์                      
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร           
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา

นิราศภูเขาทอง ของ พระสุนทรโวหาร
จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น               
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู                     
 คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย                  
 อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย
จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร                        
ด้วยเขาไม่เคืองจิตรคิดระอา
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก             
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา                     
จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ

นิราศพระบาท ของ พระสุนทรโวหาร

คิดก่อนจึงค่อยทำจงจำไว้  
ทำอะไรต้องคิดทั้งหน้าหลัง
อย่าปล่อยตัวให้ทำตามลำพัง          
ต้องเอาใจเหนี่ยวรั้งเสมอไป
ก่อนจะทำสิ่งใดใจต้องคิด               
ถูกหรือผิดทำอย่างนี้ดีหรืไม
ถ้าหากเห็นว่าไม่ดีมีโทษภัย              
ต้องหาทางทำใหม่ทำให้ดี

พรจากพ่อ ของ พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ

ช่วยกันหาสำนวนที่คล้ายหรือตรงข้ามกับสำนวนขวานผ่าซากพร้อมยกตัวอย่างพฤติกรรมหรือการแสดงออกตามสำนวนนั้นๆ ประกอบร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างคำว่า  มารยาทดี  กับ  มีสมบัติผู้ดีพิจารณาว่าในห้องเรียนว่ามีใครบ้างที่มีคุณลักษณะ  เป็นผู้มีน้ำใจดีหรือ  มีมนุษยสัมพันธ์ดี  พร้อมแสดงพฤติกรรมที่ประจักษ์เพื่อสนับสนุนความคิดเห็นนั้นครูนำสนทนาให้นักเรียนแสดงความเห็นว่า  การสำรวมกิริยาอาการนั้นคืออย่างไรจับคู่สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนักพูดที่นักเรียนชื่นชอบระบุชื่อ  ความสามารถในการพูด  แบบอย่างที่นักเรียนสนใจที่จะฝึกฝนฝึกเขียนบทและแสดงบทบาทสมมติโดยเลือกหัวข้อต่อไปนี้  หรือ  ตั้งหัวข้อที่น่าสนใจขึ้นมาใหม่บทสนทนาเกี่ยวกับมารยาทการพูดในที่สาธารณะบทสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์  สอบถามรายระเอียดเพื่อสั่งซื้อหนังสือที่ต้องการบทสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์เพื่อขอข้อมูลในจังหวัดหรืออำเภอที่นักเรียนอยู่กลวิธีการพูดและการแสดงออกที่ให้ความสำคัญกับคู่สนทนา

คิดเพิ่ม  เสริมทักษะ
เขียนคำขวัญหรือแต่งคำประพันธ์แสดงความสำคัญของการพูดผลงานที่ได้รับการคัดเลือกให้นำไปติดที่ป้ายนิเทศของห้องเรียนเพื่อให้เพื่อนๆได้อ่านทั่วกันฝึกพูดแนะนำตนเองโดยสมมติว่านักเรียนเป็นนักเรียนใหม่  ต้องย้ายมาโรงเรียนใหม่เพราะพ่อของนักเรียนเพิ่งย้ายมาประจำอยู่ในอำเภอหรือในจังหวัดที่โรงเรียนใหม่ของนักเรียนตั้งอยู่ศึกษาค้นคว้าลักษณะการพูดรูปแบบต่างๆ ที่ตนสนใจแล้วนำมาแลกเปลี่ยน เวียนกันอ่านในห้องเรียนรวบรวมคำประพันธ์ที่ไพเราะน่าสนใจเกี่ยวกับการพูด บอกแหล่งที่มาแล้วนำไปติดที่ป้ายนิเทศของห้องเรียนต่อไปศึกษาเพิ่มเติมว่าขนมลอดช่องคือขนมประเภทใด  มีวิธีทำและที่มาอย่างไร  แล้วนำข้อมูลที่ได้รวบรวมศึกษานั้นไปติดไว้ที่ป้ายนิเทศของห้องเรียนให้เพื่อนๆ  ได้เรียนรู้ด้วย





แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
จากบทเรียนภาษาไทย วิวิธภาษา เรื่องพูดดีมีเสน่ห์
JJJJJJ
คำสั่ง  ให้เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
                   ๑.   เรื่องพูดดี มีเสน่ห์เป็นสนทนาระหว่างใครกับใคร
ก.      ยายกับหลาน
ข.      ปู่กับหลาน
ค.      พ่อกับแม่
ง.       พี่กับน้อง     
๒.    พาทีมีสติรั้ง                    รอคิด
รอบคอบชอบแลผิด       ก่อนพร้อง
คำพูดพ่างลิขิต                เขียนร่าง เรียงแฮ
ฟังเพราะเสนาะต้อง       โสตทั้งห่างภัย
ใครเป็นผู้แต่ง
ก.      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ข.      พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ค.      พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ง.       พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่
๓.              พูดดีคือการพูดแบบใด                                                                                                                                                                                                                                                                                                  
ก.      พูดแบบไม่สุภาพ
ข.      พูดแบบใช้คำหยาบ
ค.      พูดด่าทอคนอื่น
ง.       พูดแบบสุภาพ
๔.     มารยาทในการพูดคือข้อใด
ก.      พูดแทรกขณะคนอื่นพูด
ข.      โต้เถียง ล้อเลียน
ค.      พูดโอ้อวด
ง.       ให้เกียรติผู้พูด    

๕.     พูดเก่งมีลักษณะเหมือนข้อใดมากที่สุด
ก.      พูดคล่อง ออกเสียงได้ชัดเจน
ข.      พูดไร้สาระ
ค.      พูดได้ถูกต้อง      
ง.       พูดไม่ชัดเจน
๖.       คนไทยนิยมทักกันว่าอะไร
ก.      วันนี้ใครมาส่ง
ข.      กินข้าวหรือยัง
ค.      ไปไหนมา
ง.       ถูกทุกข้อ                                                                                                                                                                                                                                                                                                                               
๗.     การแนะนำตัวไม่ว่าโอกาสใดๆมักจะมีคำขึ้นต้นอย่างไร
ก.      ไปไหน
ข.       ลาก่อน
ค.      สวัสดีค่ะ/ครับ
ง.       ค่ะ/ครับ
๘.     การสนทนาเป็นกิจกรรมตั้งแต่กี่คนขึ้นไป
ก.      หนึ่ง
ข.      สอง
ค.      สาม
ง.       สี่
๙.      ลิ้นแข็งหมายถึงอะไร
ก.      ไม่พูดขอบคุณคนอื่น
ข.      กลัวดอกพิกุลจะล่วง
ค.      พูดแบบมะนาวไม่มีน้ำ
ง.       พูดชัด
๑๐.  คนที่ต้องพบปะเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในกิจกรรมการเรียนการงานการอาชีพคือข้อใด
ก.      คนขายของ
ข.      ครู
ค.      ตำรวจ
ง.       ทหาร
๑๑.    นิราศพระบาทใครเป็นผู้แต่ง
ก.      สุนทรภู่
ข.      พระพะยอม
ค.      พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ
ง.       นายหลวง
๑๒.                 พรจากพ่อใครเป็นผู้แต่ง
ก.      สุนทรภู่
ข.      พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ค.      พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ
ง.       ผิดทุกข้อ
๑๓. การแนะนำตัวเกิดขึ้นในงานเลี้ยงตามข้อใด
ก.      งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่
ข.      งานศพ
ค.      งานปีใหม่
ง.       ถูกทุกข้อ
๑๔.แจงเป็นคนพูดอะไรตรงๆมีสำนวนตามข้อใด
ก.      มะนาวไม่มีน้ำ
ข.      ขวานผ่าซาก
ค.      ปากหวานก้นเปรี้ยว
ง.       ชักแม่น้ำทั้งหา
๑๕.ภาษาไทยช่วยอะไรมากที่สุด
ก.      ช่วยให้สามัคคีกัน
ข.      ช่วยให้รักกัน
ค.      ช่วยให้ปรองดองกัน
                         ง.      ช่วยให้รักและเข้าใจกันเป็นอย่างดี

comment